เคล็ดไม่ลับดูแลผิวกาย เปลี่ยนผิวเสียเป็นผิวสวย | |
บริการ เสริมดั้ง ศัลยกรรมจมูก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลี โดย K Beauty Hospital ติดต่อเรา Line : @kbeautyhosp
คนส่วนใหญ่มักให้ความสนใจกับการดูแลผิวหน้าจนมองข้ามผิวกาย ซึ่งเป็นผิวส่วนที่ควรได้รับการดูแลไม่แพ้กัน แต่สกินแคร์ราคาแพงหรือแม้แต่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกก็อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หากละเลยการดูแลผิวในขั้นตอนพื้นฐาน
ผิวสวยสุขภาพดีย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา นอกจากการดูแลผิวด้วยสกินแคร์ สิ่งที่ควรให้ความสนใจไม่แพ้กันคงจะเป็นเรื่องการทำความสะอาดผิว การบำรุงผิวจากภายใน และการปกป้องผิวจากมลภาวะในทุกวัน ในบทความนี้จะมาแชร์เคล็ดลับการดูแลผิวกายอย่างเหมาะสมเพื่อผิวสวยสุขภาพดี ขั้นตอนดูแลผิวกาย เพื่อผิวสวยสุขภาพดี การดูแลผิวกายที่ถูกต้องไม่เพียงจะช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดี แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดปัญหาผิวได้เพียงทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ ทำความสะอาดอย่างเหมาะสมในแต่ละวันผิวหนังสัมผัสกับสิ่งสกปรกและมลภาวะมากมาย ทั้งแสงแดด เหงื่อไคล ฝุ่นควัน และเชื้อโรค ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจรบกวนผิวจนทำให้ผิวเสียและเกิดปัญหาผิวตามมา เราจึงควรรู้วิธีทำความสะอาดผิวและกำจัดสิ่งสกปรกโดยไม่ทำร้ายผิว โดยทั่วไปอาจทำได้ด้วยการจำกัดเวลาในการอาบน้ำ โดยเฉพาะการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะอุณหภูมิของน้ำที่สูงเกินไปจะไปล้างคราบไขมันส่วนเกินบนผิวและทำให้ปริมาณน้ำมันในชั้นผิวน้อยลงจนอาจส่งผลให้ผิวแห้งได้ จึงควรปรับอุณหภูมิของน้ำให้เหมาะสม ไม่อาบน้ำหรือแช่น้ำนานจนเกินไป การเลือกสบู่หรือครีมอาบน้ำก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ผู้ที่ออกกำลังกายและผู้ที่มีผิวมันควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกำจัดคราบไคลและทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก แต่ไม่ควรจะมีฤทธิ์แรงเกินไปจนทำให้ผิวแห้งตึงหลังอาบน้ำ ส่วนผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง รวมไปถึงควรเลือกสบู่ที่มีสารให้ความชุ่มชื้น อย่างปิโตรลาทัม (Petrolatum) มิเนอรัลออยล์ (Mineral Oil) เซราไมด์ (Ceramide) และกลีเซอรีน (Glycerin) หลังจากการอาบน้ำเสร็จ ก็ไม่ควรปล่อยให้หยดน้ำบนผิวแห้งไปเอง เพราะการระเหยของหยดน้ำจะดึงน้ำในชั้นผิวออกไปและทำให้ผิวแห้งเพิ่มมากยิ่งขึ้น ควรใช้ผ้าเช็ดตัวขนนุ่ม ๆ ในการซับน้ำบนผิวหนัง ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้ นอกจากนี้ ควรสครับผิวอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งอาจช่วยให้ผิวแข็งแรงและดูเปล่งปลั่งขึ้น แต่ควรระมัดระวังในการเลือกเนื้อสครับที่เหมาะสม ความแรงในการขัดถู และความถี่ในการสครับผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถูกรบกวนมากจนเกินไป ใช้สกินแคร์เป็นประจำสกินแคร์เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิว ในปัจจุบันมีสกินแคร์หลากหลายชนิด หลายสูตร และหลายยี่ห้อ แต่สกินแคร์ที่ควรใช้เป็นประจำเพื่อผิวสุขภาพดี คือ มอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดด
นอกจากนี้ คนที่มีปัญหาผิวอาจลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายที่มีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาผิว หากเป็นคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำอาจเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหรือสารช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างเอเอชเอ (AHA) และบีเอชเอ (BHA) ก็อาจช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันอาจให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละคน อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการใช้สกินแคร์ คือ ควรเลือกซื้อสกินแคร์จากร้านค้าที่เชื่อถือได้ และหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการโฆษณาเกินจริง โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย เพราะอาจเป็นอันตรายและทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา เพิ่มสารอาหารให้กับผิวอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวด้วย เช่น
ผักและผลไม้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และใยอาหาร โดยสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยบำรุงร่างกายและผิวให้มีสุขภาพดี เช่น วิตามินซีจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากแสงแดด ชะลอการเกิดริ้วรอย หรือวิตามินอีช่วยต้านการอักเสบของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันรังสียูวีที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย เป็นต้น ตัวอย่างของผักผลไม้ที่มีวิตามินและสารอาหารบำรุงผิวสูง ได้แก่ ส้ม มันหวาน มะเขือเทศ ถั่วเหลือง อะโวคาโด ผลไม้ตระกูลเบอรี่ บร็อคโคลี่ และผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ
ปลาทะเลเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 และโปรตีน โดยโปรตีนนั้นมีหน้าที่ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอและร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นกรดอะมิโนเพื่อใช้สร้างคอลลาเจนและเคราตินที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น จึงอาจช่วยป้องกันริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย รวมทั้งกรดอะมิโนบางชนิดยังอาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ด้วย ส่วนโอเมก้า 3 เป็นไขมันดีที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบของผิวหนังและร่างกาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีสุขภาพดี นอกจากนี้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นยังชี้ว่ากรดไขมันโอเมก้าอาจช่วยชะลอการเกิดของเซลล์มะเร็งผิวหนัง
ชาเขียวและช็อกโกแลตถือว่าเป็นอาหารอีกชนิดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยยับยั้งการเสื่อมและป้องกันความเสียหายของเซลล์ภายในร่างกายและเซลล์ผิวหนัง โดยชาเขียวมีสารแคทีชิน (Catechins) ที่อาจช่วยลดรอยแดงบนผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นและเรียบเนียน ส่วนช็อกโกแลตมีสารฟลาโวนอล (Flavonols) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด จึงอาจช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ทำให้ให้ผิวแข็งแรงและฟื้นฟูได้ดีขึ้น นอกจากนี้ สารทั้ง 2 ชนิดยังอาจช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผิว แต่เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ควรเลือกรับประทานแบบไม่มีน้ำตาลและครีมเทียม เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม สรรพคุณของอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวของอาหารเหล่านี้เป็นเพียงผลลัพธ์จากการศึกษาวิจัยเท่านั้น จึงไม่สามารถยืนยันถึงประโยชน์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ควรรับประทานอย่างเหมาะสมร่วมกับการดูแลผิวด้วยวิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายคนอาจดูแลผิวด้วยวิธีข้างต้นได้เป็นอย่างดี แต่อาจยังไม่ทราบว่าพฤติกรรมบางอย่างก็อาจส่งผลต่อผิวได้ หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางส่วนอาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผิวและลดการรบกวนผิว เช่น
นอกเหนือจากวิธีการดูแลผิวกายที่ถูกต้องและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิวแล้ว การมีวินัยในการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมก็อาจช่วยมีส่วนช่วยเรื่องผิวพรรณที่สวย แข็งแรง และมีสุขภาพดีได้ สุดท้ายนี้ ผู้ที่มีปัญหาผิวอย่างรุนแรงหรือเป็นโรคผิวหนัง ควรเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำและรับการรักษาที่ถูกต้อง
| |
ผู้ตั้งกระทู้ KBH :: วันที่ลงประกาศ 2024-03-09 13:44:16 |